ไม่รู้จะเลือกวัสดุ 3D Printing แบบไหน? บทความนี้ช่วยคุณได้! เราได้รวบรวมข้อมูลวัสดุพิมพ์ 3 มิติ ทุกประเภท พร้อมตารางเปรียบเทียบที่เข้าใจง่าย เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
3D Printing ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ อย่างกว้างขวาง ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพและประสิทธิภาพของชิ้นงานพิมพ์ คือ การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมกับความต้องการ บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุ 3D Printing ประเภทต่างๆ อย่างละเอียด พร้อมทั้งข้อดี ข้อเสีย การใช้งาน และวิธีการเลือกวัสดุให้ตรงกับความต้องการของคุณ
วัสดุเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพิมพ์ 3 มิติ เปรียบเสมือนวัตถุดิบในการสร้างสรรค์ผลงาน การเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมจะส่งผลโดยตรงต่อคุณสมบัติของชิ้นงาน เช่น ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น ความทนทานต่อความร้อน และอื่นๆ วัสดุที่ใช้ใน 3D Printing สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 สถานะหลักๆ คือ เส้น (Filament) ผง (Powder) และของเหลว (Resin) บทความนี้จะครอบคลุมวัสดุเหล่านี้ เพื่อให้คุณมีความรู้ความเข้าใจและเลือกใช้วัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัสดุประเภทเส้น (Filament)
วัสดุประเภทเส้น หรือ Filament มักใช้กับเทคโนโลยี FDM (Fused Deposition Modeling) ซึ่งเป็นเทคโนโลยี 3D Printing ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
1. PLA (Polylactic Acid)
- คุณสมบัติ : พิมพ์ง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ทำจากพืช) ราคาถูก มีสีให้เลือกหลากหลาย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- ข้อเสีย : ไม่ทนความร้อนสูง (อ่อนตัวที่อุณหภูมิประมาณ 60°C) เปราะบาง
- การใช้งาน : งานต้นแบบ ของเล่น งานอดิเรก โมเดลทั่วไป บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ต้องสัมผัสความร้อน
- ตัวอย่างการใช้งาน : โมเดลตั้งโชว์ พวงกุญแจ ของเล่นเด็ก
2. ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene)
- คุณสมบัติ : แข็งแรง ทนความร้อน (ทนความร้อนได้สูงกว่า PLA) ทนแรงกระแทกได้ดี
- ข้อเสีย : พิมพ์ยากกว่า PLA (ต้องควบคุมอุณหภูมิของฐานพิมพ์และสภาพแวดล้อม) มีกลิ่นเหม็นขณะพิมพ์ (ควรพิมพ์ในที่อากาศถ่ายเท)
- การใช้งาน : ชิ้นส่วนเครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์ ต้นแบบที่ต้องการความทนทาน
- ตัวอย่างการใช้งาน : ตัวครอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนหุ่นยนต์ ชิ้นส่วนรถบังคับ
3. PETG (Polyethylene Terephthalate Glycol)
- คุณสมบัติ : แข็งแรง ยืดหยุ่น ทนสารเคมี ทนต่อความชื้น ใส (บางชนิด)
- ข้อเสีย : พิมพ์ยากกว่า PLA เล็กน้อย อาจมีปัญหาเรื่อง Stringing (เส้นใย)
- การใช้งาน : บรรจุภัณฑ์ ขวดน้ำ ชิ้นส่วนที่ต้องการความทนทานต่อสารเคมีและแรงกระแทก
- ตัวอย่างการใช้งาน : ขวดน้ำแบบพกพา ชิ้นส่วนเครื่องใช้ในบ้าน บรรจุภัณฑ์อาหาร (Food-safe PETG)
4. TPU (Thermoplastic Polyurethane)
- คุณสมบัติ : ยืดหยุ่น ทนทานต่อการเสียดสี ทนต่อแรงกระแทก
- ข้อเสีย : พิมพ์ยาก ต้องใช้ความเร็วในการพิมพ์ต่ำ และการตั้งค่าที่เหมาะสม
- การใช้งาน : เคสโทรศัพท์ ชิ้นส่วนที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น รองเท้า พื้นรองเท้า ซีล
- ตัวอย่างการใช้งาน : เคสโทรศัพท์แบบกันกระแทก ชิ้นส่วนหุ่นยนต์ที่ต้องการความยืดหยุ่น สายรัดข้อมือ
5. Nylon (PA – Polyamide)
- คุณสมบัติ : แข็งแรง ทนทานต่อสารเคมี ทนต่อการเสียดสี ทนความร้อนได้ดี
- ข้อเสีย : ดูดความชื้น ทำให้พิมพ์ยาก ต้องอบก่อนพิมพ์และเก็บรักษาในที่แห้ง
- การใช้งาน : ชิ้นส่วนเครื่องจักร เฟือง เกียร์ ชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย
- ตัวอย่างการใช้งาน : เฟือง เกียร์ ชิ้นส่วนเครื่องจักรที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานต่อการเสียดสี
6. HIPS (High Impact Polystyrene)
- คุณสมบัติ : ใช้เป็นวัสดุซัพพอร์ตสำหรับ ABS ละลายได้ด้วย Limonene ช่วยให้ถอดซัพพอร์ตได้ง่าย
- ข้อเสีย : เปราะ ไม่เหมาะสำหรับใช้เป็นวัสดุหลัก
- การใช้งาน : วัสดุซัพพอร์ต สำหรับงานพิมพ์ ABS ที่มีโครงสร้างซับซ้อน
7. PVA (Polyvinyl Alcohol)
- คุณสมบัติ : ใช้เป็นวัสดุซัพพอร์ตสำหรับ PLA ละลายน้ำได้ ทำให้ถอดซัพพอร์ตได้ง่ายและสะอาด
- ข้อเสีย : เปราะ ดูดความชื้น เก็บรักษาค่อนข้างยาก
- การใช้งาน : วัสดุซัพพอร์ต สำหรับงานพิมพ์ PLA ที่มีโครงสร้างซับซ้อน
วัสดุประเภทเรซิน (Resin)
วัสดุประเภทเรซิน ใช้กับเทคโนโลยี SLA (Stereolithography) , DLP (Digital Light Processing) และ LCD (Liquid Crystal Display)
1. เรซินมาตรฐาน (Standard Resin)
- คุณสมบัติ : เหมาะสำหรับงานทั่วไป มีสีให้เลือกหลากหลาย ราคาไม่สูงมาก พิมพ์ได้ละเอียด
- การใช้งาน : โมเดล ฟิกเกอร์ ต้นแบบ งานที่มีรายละเอียด
- ตัวอย่างการใช้งาน : โมเดลตัวละคร ฟิกเกอร์ ของเล่น ต้นแบบผลิตภัณฑ์
2. เรซินทนความร้อน (High-Temperature Resin)
- คุณสมบัติ : ทนความร้อนสูง เหมาะสำหรับงานที่ต้องสัมผัสความร้อน
- การใช้งาน : แม่พิมพ์ (Molding) ชิ้นส่วนที่ต้องสัมผัสความร้อน เช่น แม่พิมพ์ยางซิลิโคน
- ตัวอย่างการใช้งาน : แม่พิมพ์ยางซิลิโคน แม่พิมพ์ฉีดพลาสติก
3. เรซินเหนียว/ยืดหยุ่น (Tough/Flexible Resin)
- คุณสมบัติ : ทนแรงกระแทก ยืดหยุ่น ไม่แตกหักง่าย
- การใช้งาน : ชิ้นส่วนที่ต้องการความทนทานต่อแรงกระแทก เช่น บานพับ ชิ้นส่วนที่ต้องรับแรงกด
- ตัวอย่างการใช้งาน : บานพับ เคสโทรศัพท์แบบยืดหยุ่น ชิ้นส่วนหุ่นยนต์ที่ต้องการความยืดหยุ่น
4. เรซินสำหรับงานทันตกรรม/การแพทย์ (Dental/Medical Resin)
- คุณสมบัติ : ได้รับการรับรองทางการแพทย์ ปลอดภัยต่อการใช้งานในช่องปาก/ร่างกาย มีความแม่นยำสูง
- การใช้งาน : โมเดลทางการแพทย์ อุปกรณ์ทันตกรรม เช่น โมเดลฟัน ไกด์ผ่าตัด
- ตัวอย่างการใช้งาน : โมเดลฟัน ไกด์ผ่าตัด เครื่องมือแพทย์เฉพาะทาง (ต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐานทางการแพทย์)
5. เรซินหล่อ (Castable Resin)
- คุณสมบัติ : ออกแบบมาสำหรับการหล่อโลหะ โดยจะถูกเผาไหม้หมดไปเมื่อทำการหล่อ ทำให้เกิดช่องว่างสำหรับโลหะหลอม
- การใช้งาน : การทำเครื่องประดับ การหล่อชิ้นส่วนโลหะขนาดเล็ก
- ตัวอย่างการใช้งาน : การทำแหวน จี้ หรือชิ้นส่วนเครื่องประดับอื่นๆ
วัสดุอื่นๆ (Informational/Commercial)
นอกจากวัสดุประเภทเส้นและเรซินแล้ว ยังมีวัสดุอื่นๆ ที่ใช้ใน 3D Printing ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ
1. ผงโลหะ (Metal Powder)
- คุณสมบัติ : มีความแข็งแรง ทนทาน ทนความร้อนสูง ใช้กับเทคโนโลยี SLS (Selective Laser Sintering) , DMLS (Direct Metal Laser Sintering) , EBM (Electron Beam Melting)
- การใช้งาน : ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม แม่พิมพ์ ชิ้นส่วนเครื่องบิน ชิ้นส่วนทางการแพทย์ (เช่น ข้อเข่าเทียม)
- ตัวอย่างการใช้งาน : ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องบิน แม่พิมพ์สำหรับงานอุตสาหกรรม
2. วัสดุคอมโพสิต (Composite Materials)
- คุณสมบัติ : ผสมผสานคุณสมบัติของวัสดุหลายชนิดเข้าด้วยกัน เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ผสมพลาสติก เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดน้ำหนัก
- การใช้งาน : งานที่ต้องการความแข็งแรงและน้ำหนักเบา เช่น ชิ้นส่วนอากาศยาน ชิ้นส่วนรถแข่ง อุปกรณ์กีฬา
- ตัวอย่างการใช้งาน : โครงโดรน ชิ้นส่วนรถแข่ง จักรยาน
3. เซรามิก (Ceramic)
- คุณสมบัติ : ทนความร้อนสูง แข็งแรง ทนการกัดกร่อน ใช้กับเทคโนโลยี Binder Jetting หรือ SLA ที่ใช้เซรามิกเรซิน
- การใช้งาน : แม่พิมพ์ เครื่องประดับ เครื่องใช้ในครัวเรือน ชิ้นส่วนทางทันตกรรม
- ตัวอย่างการใช้งาน : ถ้วย ชาม เครื่องประดับ เซรามิกส์สำหรับงานอุตสาหกรรม
เราได้รวบรวม การประยุกต์ใช้ 3D Printing ในหลากหลายด้าน
การเลือกวัสดุให้เหมาะสมกับการใช้งาน
การเลือกวัสดุ 3D Printing ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
- งบประมาณ (Budget) : วัสดุแต่ละประเภทมีราคาแตกต่างกัน ควรพิจารณางบประมาณที่ตั้งไว้
- คุณสมบัติที่ต้องการ (Desired Properties) : พิจารณาคุณสมบัติของชิ้นงานที่ต้องการ เช่น ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น ความทนทานต่อความร้อน หรือความทนทานต่อสารเคมี
- เทคโนโลยีการพิมพ์ (Printing Technology) : วัสดุแต่ละประเภทรองรับเทคโนโลยีการพิมพ์ที่แตกต่างกัน
- การใช้งาน (Application) : พิจารณาการใช้งานของชิ้นงาน เช่น หากเป็นงานต้นแบบ อาจเลือกใช้วัสดุราคาถูก เช่น PLA แต่หากเป็นชิ้นงานที่ใช้งานจริง อาจต้องเลือกวัสดุที่มีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น ไนลอน หรือโลหะ
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของวัสดุบางประเภท
วัสดุ | ความแข็งแรง | ความยืดหยุ่น | ทนความร้อน | ความทนทานต่อสารเคมี | ราคา | การใช้งาน | เทคโนโลยี |
PLA | ปานกลาง | ต่ำ | ต่ำ | ต่ำ | ต่ำ | ต้นแบบ ของเล่น | FDM |
ABS | สูง | ปานกลาง | ปานกลาง | ปานกลาง | ปานกลาง | ชิ้นส่วนเครื่องจักร | FDM |
PETG | สูง | สูง | ปานกลาง | สูง | ปานกลาง | บรรจุภัณฑ์ | FDM |
TPU | ปานกลาง | สูงมาก | ต่ำ | ปานกลาง | ปานกลาง | ชิ้นส่วนยืดหยุ่น | FDM |
Nylon | สูง | ปานกลาง | สูง | สูง | สูง | ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม | FDM |
เรซินมาตรฐาน | สูง | ต่ำ | ต่ำ | ปานกลาง | ปานกลาง | โมเดล | SLA/DLP/LCD |
เรซินทนความร้อน | สูง | ต่ำ | สูง | ปานกลาง | สูง | แม่พิมพ์ | SLA/DLP/LCD |
โลหะ | สูงมาก | สูง | สูงมาก | สูง | สูงมาก | ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม | SLS/DMLS/EBM |
ตัวอย่างการเลือกวัสดุสำหรับงานต่างๆ
- ต้นแบบทั่วไป : PLA หรือเรซินมาตรฐาน
- ชิ้นส่วนที่ต้องการความแข็งแรง : ABS, Nylon หรือโลหะ
- ชิ้นส่วนที่ต้องการความยืดหยุ่น : TPU
- แม่พิมพ์ : เรซินทนความร้อน หรือโลหะ
- เครื่องประดับ : เรซินหล่อ หรือเซรามิก
สรุป
การเลือกวัสดุ 3D Printing ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่มีคุณภาพและตรงตามความต้องการ การทำความเข้าใจคุณสมบัติของวัสดุแต่ละประเภท รวมถึงปัจจัยต่างๆ ในการเลือก จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการเลือกใช้วัสดุ 3D Printing ของคุณ